“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังหลังบุกพ่าย นาโปลี แบบยับเยิน 1-4 ในการแข่งขัน ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ที่ผ่านมา เราลองไปดูประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้กัน
1. 5 นาทีแรกที่สับสนของ ลิเวอร์พูล
ให้หลังจากเกมที่ เนเปิลส์ เริ่มต้นขึ้นไม่กี่อึดใจ พลพรรค นาโปลี ก็ฉวยโอกาสบุกเข้าใส่ ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสได้ลุ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แนวรับสูงที่หละหลวมของ หงส์แดง ถูกบอลวาง ข้ามไลน์เล่นงาน ช่องว่างในพื้นที่ ด้านหลังฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างรวมไปถึงการประสานงาของ โจ โกเมซ กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ เปิดพื้นที่ให้ ควิชา ควาราทชเคเลีย, วิคเตอร์ โอซิมเฮน, มัตเตโอ โปลิตาโน, ปิโอเตอร์ ซีลีนสกี้ ไปจนถึง อันเดรีย อ็องกิสซา ขโยกเข้าใส่
ทีมเยือนเจียนอยู่เจียนไป 2 ครั้งเน้นๆ ภายในระยะเวลา 5 นาทีหลังเริ่มเกม กระทั่งเสียลูกจุดโทษเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษของตนเองกลายเป็นลูกจุดโทษและเสียประตูให้กับเจ้าถิ่นในที่สุด หลังจากนั้นทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ดูจะเสียขวัญและไม่สามารถกลับมาสู่เกมได้
2. แดนกลางไม่อาจหยุด นาโปลี
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, ฟาบินโญ และ เจมส์ มิลเนอร์ คือสามประสานในแดนกลางที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้ในเกมนี้และกลายเป็นรายหลังที่เป็นจุดบอดของทีม
มิลเนอร์ ออกสตาร์ทด้วยการทำแฮนด์บอลเสียลูกจุดโทษและไม่อาจรับมือแดนกลางของเจ้าถิ่นได้ถึงขนาดเสียใบเหลืองตั้งแต่ 10 นาทีแรกและจวนเจียนจะได้รับใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามตั้งแต่ครึ่งแรก การมี มิลเนอร์ ที่กลางสนามยังเท่ากับลดความอันตรายจากการผ่านบอลอย่างสิ้นเชิงเมื่อสิ่งที่มิดฟิลด์วัย 36 ปีทำได้ดีที่สุดคือแปะบอลระยะสั้นไปมา
น่าเหลือเชื่อว่า เอลเลียตต์ กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวจริงที่ดูดีที่สุดจากทั้ง 3 คนแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้ก็ตาม ขณะที่ ฟาบินโญ ดูไม่มีความกระตือรือล้นในเกมรับมากอย่างเคย
3. เกมรับถูกเผาเครื่อง
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เวอร์จิล ฟาน ไดค์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน คือแผงแบ็คโฟร์ที่ได้รับความไว้วางใจจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ออกสตาร์ท แต่กลายเป็นว่าพวกเขาทุกรายถูกแนวรุก นาโปลี สลับกันเผาเครื่องต่อเนื่อง
ร็อบโบ้ ดูจะมีมลทินมัวหมองน้อยที่สุดจากทั้ง 4 รายแต่ถึงอย่างนั้นแบ็คซ้ายทีมชาติ สกอตแลนด์ ก็ปวดหัวในการรับมือกับเกมรุกเจ้าบ้านให้เห็น
รายที่อาการหนักที่สุดกลายเป็น โจ โกเมซ ที่ฟอร์มของเจ้าตัวเลวร้ายจน คล็อปป์ เปลี่ยนตัวเขาออกตั้งแต่หลังพักครึ่ง เจ้าตัวสร้างความผิดพลาดในการเข้าบอล ถูก วิคเตอร์ โอซิมเฮน กับ ควิชา คราวาทชเคเลีย สลับกันขโยกเข้าใส่ และมีส่วนร่วมกับการเสีย 2 ใน 3 ประตูตั้งแต่ครึ่งแรก
เกมรับของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น่าเป็นห่วงตั้งแต่ช่วงไม่กี่เกมที่ผ่านมาก่อนหน้านี้และเกมนี้ก็ไม่ต่างกันสำหรับแข้งวัย 23 ปี สมาธิและความกระตือรือล้นของ เทรนท์ ดูจะหลุดลอยโดยเฉพาะในครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังลูกหม้อ หงส์แดง รายนี้จะยกระดับการเล่นของตนเองขึ้นมาได้เล็กน้อย
ขณะที่ ฟาน ไดค์ ที่มักไม่ถูกเกมรุกของ นาโปลี โจมตีนักยังโชคร้ายไปย่ำเข้าใส่ โอซิมเฮน จนเสียลูกจุดโทษที่ 2 ในครึ่งแรก
4. ตัวสำรองไม่อาจเปลี่ยนเกม
ด้านบนคือ 5 ตัวสำรองที่ คล็อปป์ เลือกส่งลงสนามในครึ่งหลังหวังเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมทว่าไพ่เด็ดที่สามารถต่อกรกับ นาโปลี ได้สมน้ำสมเนื้อกลับมีเพียง ติอาโก้ อัลคันทารา เท่านั้นที่สามารถสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
มิดฟิลด์ทีมชาติ สเปน ยกระดับความลื่นไหลของเกมที่แดนกลาง แสดงให้เห็นไหวพริบเอาตัวรอดในพื้นที่แคบ สร้างพื้นที่กลางสนามด้วยการพาบอลลากตะลุยขึ้นหน้า น่าเสียดายที่แนวรุกแดนบนไม่ได้วิ่งทำทางเพื่อเปิดช่องให้ ติอาโก้ แทงคิลเลอร์พาสให้เห็น
ขณะที่แข้งสำรองอีก 4 รายที่เหลือทำได้เพียงประคองตัวให้จบ 90 นาทีเท่านั้น
5. เครดิต ลูเชียโน สปัลเล็ตติ และลูกทีม นาโปลี
นาโปลี ของ สปัลเล็ตติ ยิ่งเล่นพวกเขายิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป แข้งทั้ง 3 แดนของพวกเขานัดกันเข้าฝัก เล่นอย่างมีระเบียบวินัยและมุ่งมั่นกว่า ลิเวอร์พูล อย่างเห็นได้ชัด
อันเดรีย อ็องกิสซา ในบทบาทมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูกบ็อกซ์โดดเด่นกับการเติมขึ้นไปมีส่วนร่วมในพื้นที่สุดท้ายและจบเกมด้วยการมีชื่อบนสกอร์บอร์ด
ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ ยอดเยี่ยมกับบทบาทจอมทัพหมายเลข 10 สอดขึ้นไปประสานงานกับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ขณะที่ ควิชา ควาราทชเคเลีย ปีกดาวรุ่งวัย 21 ปีทีมชาติ จอร์เจีย ตัวละครลับที่ นาโปลี คว้ามาจาก ดินาโม บาตูมี ที่มูลค่าเพียง 10 ล้านยูโรเมื่อซัมเมอร์ลากเลื้อยสุดมันส์ที่ริมเส้น